ไอร์แลนด์ (Ireland) ประเทศที่ตั้งอยู่ในยุโรปตะวันตก ดินแดนที่เปี่ยมด้วยมนตร์เสน่ห์แห่งธรรมชาติและวัฒนธรรม เป็นประเทศที่ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ความงดงามของที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่ภูมิประเทศที่ตระการตา แต่ยังแฝงไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่อบอุ่น
✨สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนไอร์แลนด์✨
หน้าผาโมเฮอร์ (Cliffs of Moher)
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ ใกล้กับเมืองลิเมอริค (Limerick) และอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ความสูงของหน้าผานี้มีตั้งแต่ 120 เมตร ไปจนถึง 214 เมตร ทำให้มีทัศนียภาพที่งดงามอย่างยิ่ง เมื่อยืนอยู่บนหน้าผา นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวทะเลที่กว้างไกลไปจนสุดขอบฟ้า การที่ทะเลแอตแลนติกกระทบกับหน้าผาอย่างรุนแรงทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และสวยงาม หน้าผาโมเฮอร์เป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน อีกทั้งยังเป็นสถานที่ถ่ายทำในภาพยนตร์ดังหลายเรื่อง เช่น Harry Potter and the Half-Blood Prince และ The Princess Bride หน้าผานี้เป็นที่อยู่อาศัยของนกทะเลหลายชนิด เช่น นกกาน้ำ (Puffins) และนกกระยางที่มักจะเห็นได้จากหน้าผาในช่วงฤดูร้อน
เส้นทางวงกลมแห่งเคอร์รี่ (Ring of Kerry)เป็นหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในเขตเคอร์รี่ (County Kerry) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เส้นทางนี้เป็นการขับรถหรือเดินทางรอบพื้นที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงามและวิวทิวทัศน์ที่น่าทึ่ง โดยการเดินทางจะพาผู้ท่องเที่ยวผ่านภูเขา ทะเลสาบ ชายฝั่ง และหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ เส้นทางนี้นำคุณผ่านวิวทิวทัศน์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขาสูงที่ครอบคลุมทะเลสาบหรือชายฝั่งที่มีความสวยงามแปลกตา พื้นที่เหล่านี้เหมาะแก่การหยุดพักถ่ายภาพและเพลิดเพลินกับความงามที่เป็นเอกลักษณ์ของไอร์แลนด์
ปราสาทดับลิน (Dublin Castle)เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองดับลิน และเป็นหนึ่งในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญที่สุดของไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองดับลิน และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี ปราสาทนี้ไม่เพียงแต่เป็นอาคารราชการที่เคยใช้ในอดีต แต่ยังเป็นศูนย์กลางของการปกครองและการบริหารของไอร์แลนด์ในช่วงที่ประเทศนี้ยังอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ปราสาทดับลินถูกสร้างขึ้นในปี 1204 โดยพระเจ้า จอห์น (King John of England) ปราสาทเคยเป็นทั้งที่พักของกษัตริย์และเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก และในปัจจุบันมันถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการจัดพิธีการทางการเมือง การประชุม และกิจกรรมสำคัญต่างๆ รวมถึงเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาทและการเมืองของไอร์แลนด์ ปราสาทมีการผสมผสานของสถาปัตยกรรมในสไตล์ต่างๆ จากยุคกลางไปจนถึงสมัยใหม่ เช่น ปราสาทแบบกอธิกที่เคยมีในช่วงศตวรรษที่ 13 จนถึงอาคารที่มีการออกแบบสไตล์จอร์เจียนในศตวรรษที่ 18 และอาคารทางราชการที่มีความทันสมัยในปัจจุบัน ปราสาทดับลินมีสวนสวยภายในที่เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ ซึ่งสวนนี้ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีและเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหรือชมธรรมชาติในใจกลางเมือง
เส้นทางยักษ์ (Giant’s Causeway)เป็นหนึ่งในสถานที่ธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอร์แลนด์เหนือ และได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1986 เส้นทางยักษ์ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางเหนือของไอร์แลนด์เหนือ ใกล้กับเมืองบัลลินา (Ballycastle) มีลักษณะเป็นพื้นที่ที่มีหินบะซอลต์เรียงตัวกันเป็นรูปทรงคล้ายเสา ซึ่งมีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก โดยการก่อตัวของหินเหล่านี้เกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อหลายล้านปีมาแล้ว เส้นทางยักษ์มีลักษณะพิเศษคือการเรียงตัวของหินบะซอลต์ที่เป็นผลจากการระเบิดของภูเขาไฟในอดีต จนทำให้เกิดหินที่มีรูปทรงเป็นหกเหลี่ยม (Hexagonal) อย่างเรียบร้อย ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง นอกจากหินบะซอลต์ที่มีรูปร่างน่าทึ่งแล้ว เส้นทางยักษ์ยังตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถชมวิวทะเลที่สวยงามได้อย่างเต็มที่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปตามทางเดินที่มีทิวทัศน์ของชายฝั่งทะเลที่สวยงามและสันดอนทรายที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์
ปราสาทบลาร์นีย์ (Blarney Castle)เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศและมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 600 ปี โดยปราสาทนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากมี หินบลาร์นีย์ (Blarney Stone) ซึ่งเชื่อกันว่าผู้ที่จูบหินนี้จะได้รับพรให้มี "วาจาที่ยอดเยี่ยม" หรือ "ความสามารถในการพูดจาให้ผู้อื่นหลงใหล" หินบลาร์นีย์เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะที่มีความเชื่อว่า การจูบหินนี้จะทำให้คุณได้รับพรในเรื่องของการพูดจาหรือการมี "วาจาที่ยอดเยี่ยม" ซึ่งหมายถึงความสามารถในการโน้มน้าวใจหรือสร้างความประทับใจให้กับผู้อื่น ตำนานเล่าว่าในอดีตหินนี้ถูกยกไปจากปราสาทสก็อตแลนด์และถูกนำมาไว้ที่ปราสาทบลาร์นีย์ การจูบหินบลาร์นีย์ไม่ได้ง่ายดาย เพราะคุณต้องปีนขึ้นไปจนถึงชั้นบนของปราสาท ซึ่งต้องยืนห้อยหัวลงมาจากระเบียงที่อยู่สูง ซึ่งทำให้การจูบหินกลายเป็นกิจกรรมที่ท้าทายและน่าตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยว ปราสาทบลาร์นีย์มีสถาปัตยกรรมในสไตล์ปราสาทยุคกลางที่มีความงดงามและมีการออกแบบที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีหอคอยสูงและกำแพงที่แข็งแรง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้รอบๆ ปราสาทและสำรวจสิ่งก่อสร้างในอดีตที่น่าทึ่ง
อุทยานแห่งชาติคิลลาร์นีย์ (Killarney National Park)เป็นอุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงดงามทางธรรมชาติที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในไอร์แลนด์ อุทยานแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1981 และมีความหลากหลายทั้งในด้านภูมิประเทศและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ อุทยานแห่งนี้มีทะเลสาบสามแห่ง ได้แก่ Lough Leane, Muckross Lake, และ Upper Lake ซึ่งทะเลสาบเหล่านี้ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและป่าไม้ สร้างทิวทัศน์ที่สวยงามและเหมาะสำหรับการถ่ายภาพ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงที่ต้นไม้ในอุทยานมีการเปลี่ยนสี ภูเขาที่สูงที่สุดในไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งนี้ โดยภูเขา Carrantuohill ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของไอร์แลนด์ มีความสูง 1,038 เมตร เหมาะสำหรับนักปีนเขาและผู้ที่ชื่นชอบการเดินป่า ภายในอุทยานมีปราสาทมัคครอส (Muckross Castle) โดยปราสาทนี้ตั้งอยู่ที่ริมทะเลสาบ Muckross Lake เป็นปราสาทที่มีความงดงามและเป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูง ภายในมีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาทและพื้นที่รอบๆ รวมถึงสวนที่สวยงาม
เกาะสเกลลิกไมเคิล (Skellig Michael)เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในอ่าวเคอร์รี่ (County Kerry) ทางชายฝั่งตะวันตกของไอร์แลนด์ เกาะแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสถานที่ทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจในประวัติศาสตร์คริสเตียนและการอนุรักษ์ธรรมชาติ เกาะสเกลลิกไมเคิลเป็นที่ตั้งของ อารามคอนแว็คท์ (Monastic Settlement) ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 โดยกลุ่มนักบวชคริสเตียนที่เลือกตั้งอารามบนเกาะที่มีความแห้งแล้งและห่างไกลจากโลกภายนอก เพื่ออุทิศตัวให้กับการทำสมาธิและอธิษฐาน ต่อมาในช่วงยุคกลาง อารามนี้ได้รับความสำคัญเป็นศูนย์กลางทางศาสนา จนกระทั่งในศตวรรษที่ 12 เมื่ออารามนี้ถูกทิ้งร้าง การเดินทางไปยังเกาะสเกลลิกไมเคิลนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากต้องนั่งเรือจากชายฝั่งแถว Portmagee หรือ Ballinskelligs ซึ่งการเดินทางบางครั้งอาจยากลำบากเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะลมแรงและคลื่นทะเลที่อาจทำให้การเดินทางท้าทายได้ บนเกาะมีอาคารและโครงสร้างทางศาสนาหลายแห่ง เช่น โบสถ์ และ หอคอย ที่ถูกสร้างจากหินในรูปแบบที่เรียบง่าย ซึ่งล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ของผู้สร้างในสมัยนั้น มีการสร้างขั้นบันไดหินแบบคดเคี้ยวขึ้นไปบนยอดเกาะ ซึ่งบางช่วงมีความชันสูง นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปเพื่อชมวิวทะเลและทิวทัศน์ของเกาะได้ เกาะสเกลลิกไมเคิลยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะสถานที่ถ่ายทำฉากในภาพยนตร์ Star Wars: The Last Jedi อีกด้วย
เมืองกัลเวย์ (Galway)เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของไอร์แลนด์ และถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีเสน่ห์และมีความหลากหลายทั้งในด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการใช้ชีวิตที่มีชีวิตชีวา เมืองกัลเวย์ตั้งอยู่ริมทะเลแอตแลนติก และมีชื่อเสียงในเรื่องของเทศกาลต่างๆ ที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี รวมถึงวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความเป็นไอริชอย่างแท้จริง กัลเวย์มีบรรยากาศของเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยถนนแคบๆ และอาคารสไตล์ดั้งเดิม ซึ่งบางแห่งมีอายุกว่า 1,000 ปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นในย่านที่มีความเก่าแก่เช่น Quay Street หรือ Shop Street ที่มีร้านค้าหลากหลายทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึก รวมถึงสามารถพบกับศิลปะบนท้องถนนจากศิลปินท้องถิ่น กัลเวย์เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของเทศกาลที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี เช่น Galway International Arts Festival และ Galway Races เทศกาลเหล่านี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยือนทุกปี เทศกาลศิลปะเป็นที่รวมตัวของนักดนตรี นักแสดง และศิลปินจากหลายประเทศ กัลเวย์มีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน โดยเฉพาะ ปราสาทกัลเวย์ (Galway Castle) ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมอย่างสม่ำเสมอ
บริษัท NATNARA TRAVEL รับจัดทัวร์ ท่องเที่ยวไอร์แลนด์ตลอดทั้งปี
- ใช้โรงแรม สะอาด ปลอดภัย
- อาหารรสชาติดี
สนใจเที่ยวไอร์แลนด์ ติดต่อเราได้เลย