เบลเยียม สัมผัสประวัติศาสตร์ยุโรป เมืองเล็กที่มีความโรแมนติก

เบลเยียม (Belgium) เป็นประเทศที่มีเสน่ห์ในยุโรป เมืองเล็กที่มีความโรแมนติก สถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่า เสน่ห์ของเบลเยียมคือการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และความทันสมัยที่อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่หลากหลาย ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และการผ่อนคลาย

✨สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเบลเยียม✨

จัตุรัสกลาง (Grand Place)
จัตุรัสกลางเมืองที่งดงามที่สุดในยุโรป ที่ถือเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดและงดงามที่สุดในประเทศ เป็นแหล่งรวมประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในสไตล์บาร็อกและโกธิก จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกของยูเนสโก ในปี 1998 รอบจัตุรัสเต็มไปด้วยอาคารที่ตกแต่งอย่างวิจิตรที่มีรายละเอียดละเอียดอ่อนและเสน่ห์ไม่เหมือนใคร

สวนซิแวงตนเนียร์ (Parc du Cinquantenaire)
เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในกรุงบรัสเซลส์, เบลเยียม สวนแห่งนี้มีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม เนื่องจากมันถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปีของการก่อตั้งประเทศเบลเยียมในปี 1880 สัญลักษณ์สำคัญของสวนที่มีความสูงและสง่างาม เป็นประตูชัยที่ตั้งอยู่ที่ทางเข้าใหญ่ของสวน สวนมีพื้นที่กว้างขวาง เหมาะสำหรับการเดินเล่น, พักผ่อน หรือออกกำลังกาย สวนเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่, พื้นหญ้า, และเส้นทางเดินที่สามารถให้คุณเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติในใจกลางเมือง

Atomium
เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของกรุงบรัสเซลส์และเบลเยียม, ซึ่งตั้งอยู่ในเขต Heysel โดยถูกสร้างขึ้นสำหรับงาน Expo 58 หรือ World Expo 1958 เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ออกแบบโดยสถาปนิก André Waterkeyn โดยมีรูปทรงเหมือนกับโมเลกุลของ เหล็ก (Iron) ที่ขยายขึ้น 165 ล้านเท่าโครงสร้างประกอบด้วย 9 ลูกบอลโลหะ (สัญลักษณ์ของอะตอม) เชื่อมต่อกันด้วยท่อเหล็ก ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนโมเลกุลขนาดใหญ่ที่มีการขยายตัว ผู้เยี่ยมชมสามารถขึ้นไปยังลูกบอลที่สูงที่สุดเพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมของบรัสเซลส์และพื้นที่โดยรอบที่จุดสูงสุด คุณสามารถมองเห็นวิวของสวน Laeken, Parc de Laeken, และแม้กระทั่งจุดที่สำคัญต่างๆ ในเมือง

Manneken Pis
เป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์ของกรุงบรัสเซลส์, เบลเยียม ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับ Grand Place และ Rue de l'Étuve โดยเป็นรูปปั้นของเด็กชายตัวเล็กๆ กำลังยืนปัสสาวะอยู่ในบ่อน้ำ เป็นแลนด์มาร์คเล็ก ๆ แต่โด่งดังระดับโลก เรื่องราวของรูปปั้นนี้มีหลากหลายตำนาน บางตำนานกล่าวว่า เด็กชายตัวนี้ได้ช่วยดับไฟในบรัสเซลส์ด้วยการปัสสาวะลงบนไฟในช่วงสงครามบางครั้ง ซึ่งทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและการปกป้องเมือง รูปปั้น Manneken Pis มีชื่อเสียงจากการที่มันถูกแต่งตัวด้วยชุดต่างๆ ตามโอกาสและเทศกาลต่างๆ โดยมีการเปลี่ยนชุดอย่างสม่ำเสมอ ชุดที่สวมใส่มักเป็นชุดที่มีความหมายพิเศษ เช่น ชุดประจำชาติ, ชุดแบบราชวงศ์, หรือชุดในธีมต่างๆ ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมที่หลากหลาย

Historic Centre of Bruges
เป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกที่สำคัญที่สุดในเบลเยียม และเป็นเมืองที่มีเสน่ห์เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ซึ่งได้รับการรักษาไว้อย่างดีจากยุคกลาง ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของบรูจส์เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ที่ยังคงรักษาลักษณะดั้งเดิมของยุคกลาง เช่น โบสถ์, อาคารเมืองเก่า, และบ้านเรือนที่มีหลังคาแหลมสวยงาม

Gravensteen Castle
เป็นปราสาทโบราณที่ตั้งอยู่ในเมือง เกนต์ (Ghent) ของเบลเยียม และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของเมือง สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดย กราฟแห่งฟแลนด์เดอร์ (Counts of Flanders) โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยและที่ทำการของขุนนางในยุคนั้น รวมถึงเป็นป้อมปราการในการป้องกันเมือง ปราสาทนี้มีลักษณะของปราสาทยุคกลางที่มีป้อมปราการสูงและกำแพงหนา ทำให้มันดูแข็งแกร่งและมีความน่าเกรงขาม หอคอยของปราสาทมีความสูงและสามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเกนต์ได้จากที่สูง

St. Bavo's Cathedral
เป็นมหาวิหารที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง เกนต์ (Ghent), เบลเยียม ซึ่งมีความสำคัญทั้งในด้านศาสนาและประวัติศาสตร์ และเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่งดงามในเมือง ถูกสร้างในสไตล์ โกธิค โดยเริ่มต้นการก่อสร้างในศตวรรษที่ 14 และเสร็จสมบูรณ์ในศตวรรษที่ 16 มหาวิหารมีหอคอยสูงและหน้าต่างกระจกสีที่สวยงาม รวมถึงภายในที่มีรายละเอียดอันประณีตและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง เป็นที่ตั้งของภาพวาด “The Adoration of the Mystic Lamb” โดยมีความสำคัญทางศิลปะและศาสนาอย่างยิ่ง

Citadel of Dinant
เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงในเมือง ดิน็อง (Dinant) ในภาค วัลโลเนีย ของเบลเยียม ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Meuse และมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองและบริเวณโดยรอบ มีประวัติศาสตร์ยาวนานและสำคัญ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 11 โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันเมืองจากการโจมตี ปราสาทนี้เคยถูกทำลายหลายครั้งในช่วงสงครามต่างๆ โดยเฉพาะในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 1 และได้รับการฟื้นฟูขึ้นใหม่ในภายหลัง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยัง Citadel ได้ด้วยการเดินขึ้นจากเมืองดิน็องหรือใช้ กระเช้าลอยฟ้า ที่จะพาคุณขึ้นไปยังจุดสูงสุดได้อย่างสะดวก ภายใน Citadel ยังมีพื้นที่สำหรับการเดินเล่นและเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์สวยงาม