ท่องเที่ยวสเปน ดินแดนแห่งกระทิง ประเทศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

39 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ท่องเที่ยวสเปน ดินแดนแห่งกระทิง ประเทศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ประเทศสเปน (Spain) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตอนใต้ และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะในด้านศิลปะ วรรณกรรม สถาปัตยกรรม และกีฬา อีกทั้งสเปนยังมีวัฒนธรรมที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในด้านดนตรี การเต้นรำ อาหาร และเทศกาลที่มีชื่อเสียง




✨สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนสเปน✨

มหาวิหารซากราดา ฟามีเลีย (Sagrada Familia)
เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในกรุงบาร์เซโลนา ประเทศสเปน มหาวิหารนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง อันโตนี เกาดี (Antoni Gaudí) และถือเป็นหนึ่งในงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่นที่สุดในสมัยใหม่ ใช้สถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและได้ใช้รูปทรงที่โค้งมนและไม่สมมาตร ซึ่งทำให้มหาวิหารซากราดา ฟามีเลียมีลักษณะเฉพาะตัวไม่เหมือนโบสถ์ใดๆ ในโลก ซากราดา ฟามีเลียได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในปี 2005 ในฐานะเป็นตัวอย่างของศิลปะสมัยใหม่ที่มีความสำคัญระดับโลก


พระราชวังอัลฮัมบรา (Alhambra Palace)
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นมรดกโลกของยูเนสโกที่สำคัญที่สุดในโลก พระราชวังนี้สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 โดยราชวงศ์นัสรี (Nasrid Dynasty) ซึ่งเป็นราชวงศ์มุสลิมที่ปกครองอันดาลูเซีย (Al-Andalus) ในยุคกลาง Alhambra หมายถึง “พระราชวังแห่งสีแดง” เพราะมีการใช้หินสีแดงในการก่อสร้าง ปัจจุบันเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมมุสลิมในยุคกลางและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศิลปะ พระราชวังอัลฮัมบราเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอิสลามที่ละเอียดและซับซ้อน ทั้งในด้านการออกแบบโครงสร้าง การตกแต่ง และลวดลายทางศิลปะ โดยเฉพาะการประดับด้วยลวดลายที่ทำจากปูนปั้นและกระเบื้องเคลือบสีที่มีความประณีต


จัตุรัสพลาซ่า มายอร์ (Plaza Mayor)
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิตสังคมและวัฒนธรรมในเมืองนี้ ตั้งอยู่ในเขตใจกลางเมืองเก่าของมาดริด (Madrid de los Austrias) จัตุรัสแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและมีความสำคัญทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม สร้างในปี 1580 ภายใต้คำสั่งของพระราชาฟิลิปป์ที่ 2 ของสเปน โดยได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก ฟรานซิสโก เด คาริโล (Francisco de Carvajal) และหลังจากนั้นจัตุรัสก็ได้รับการพัฒนาและขยายพื้นที่หลายครั้งในช่วงหลายศตวรรษ จัตุรัสนี้มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ล้อมรอบด้วยอาคารหลายชั้นที่มีระเบียงและประตูใหญ่สวยงาม อาคารทั้งหมดมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เหมือนกัน โดยมีสีส้มและสีเหลืองที่โดดเด่น และมีรูปภาพที่แสดงถึงพระมหากษัตริย์สเปนและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่ตกแต่งอยู่ตามผนังอาคาร


พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ (Guggenheim Museum)
เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่โดดเด่น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีความสำคัญทั้งในแง่ของการจัดแสดงศิลปะและการออกแบบอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ เปิดทำการในปี 1997 โดยมีการจัดแสดงศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย พิพิธภัณฑ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือพิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ที่มีสาขาในหลายเมืองทั่วโลก พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ในบิลเบาถือเป็นโครงการที่สำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาเมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม ถูกออกแบบให้มีรูปร่างที่ดูเหมือนลำเรือหรือรูปคลื่นของทะเล โดยใช้วัสดุหลักคือ ไทเทเนียม และ หินปูน ซึ่งให้ความรู้สึกที่พลิ้วไหวและเป็นธรรมชาติ อาคารมีรูปทรงที่ไม่เป็นระเบียบและสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาชม


พระราชวังหลวงแห่งมาดริด (Royal Palace of Madrid)
เป็นหนึ่งในพระราชวังที่มีความสำคัญและมีความงดงามที่สุดในยุโรป ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองมาดริด ประเทศสเปน และเป็นที่ประทับของพระราชวงศ์สเปนในปัจจุบัน แม้ว่าพระราชวังนี้จะไม่ใช่ที่ประทับหลักของพระราชวงศ์ในปัจจุบัน แต่ยังคงมีการใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญและพิธีการทางราชการ ก่อสร้างในปี 1738 โดยพระเจ้าฟิลิปป์ที่ 5 แห่งสเปน ซึ่งเป็นราชวงศ์บูร์บอน พระราชวังนี้สร้างขึ้นทดแทนพระราชวังเก่าที่ถูกทำลายจากไฟไหม้ในปี 1734 การก่อสร้างพระราชวังใช้เวลาหลายปีจนเสร็จสมบูรณ์ในศตวรรษที่ 18 พระราชวังหลวงแห่งมาดริดมีรูปทรงที่โดดเด่นและหรูหราในสไตล์บาโรค โดยมีฟาซาดที่ทำจากหินอ่อนและรายละเอียดที่ประณีต สถาปัตยกรรมภายในมีการตกแต่งด้วยศิลปะอิตาเลียนและฝรั่งเศส รวมถึงมีการใช้ห้องใหญ่ที่มีเพดานสูงและผนังที่ตกแต่งด้วยภาพวาดฝีมือศิลปินชื่อดัง


อารามมองต์เซอร์รัต (Montserrat Monastery)
เป็นอารามและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนภูเขามอนต์เซอร์รัต (Montserrat) ในแคว้นคาตาลุนญา ประเทศสเปน ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีความสำคัญทางศาสนาและท่องเที่ยวในสเปน ภูเขามอนต์เซอร์รัตมีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นด้วยหน้าผาหินที่แหลมสูง ทำให้เป็นจุดที่น่าสนใจทั้งในแง่ของความงดงามทางธรรมชาติและคุณค่าทางศาสนา ก่อตั้งในศตวรรษที่ 9 โดยการสร้างอารามแห่งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นที่ประดิษฐานของ พระแม่มารีแห่งมอนต์เซอร์รัต (Virgin of Montserrat) ซึ่งเป็นรูปปั้นของพระแม่มารีที่มีชื่อเสียงในด้านการอธิษฐานและความศักดิ์สิทธิ์ รูปปั้นนี้มีอายุหลายร้อยปีและเป็นที่เคารพนับถือของชาวคาทอลิกจำนวนมาก มีการออกแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ผสมผสานระหว่างสไตล์โรมาเนสก์และโกธิก อาคารหลักของอารามมีลักษณะใหญ่โตและมีการตกแต่งภายในที่หรูหรา โดยเฉพาะในส่วนของโบสถ์ที่มีความสำคัญ รูปปั้นของพระแม่มารีในอารามนี้เป็นจุดศูนย์กลางที่นักบูชามักจะไปกราบไหว้ ขอพร หรืออธิษฐาน รูปปั้นนี้ทำจากไม้และมีสีดำ จึงได้รับการขนานนามว่า "La Moreneta" ซึ่งแปลว่า "พระแม่สีดำ" ในภาษาอังกฤษ รูปปั้นนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของการอธิษฐานและความศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาคริสต์


มัสยิด-โบสถ์เมซกีตาแห่งกอร์โดบา (Mezquita-Cathedral of Córdoba)
เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดในสเปน และเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมอิสลามและคริสต์ศาสนา ตั้งอยู่ในเมืองกอร์โดบา (Córdoba) ในแคว้นอันดาลูเซีย ประเทศสเปน มัสยิดแห่งนี้มีความสำคัญทางศาสนาและประวัติศาสตร์ทั้งในยุคสมัยของการปกครองโดยชาวมุสลิมและในช่วงที่เป็นโบสถ์ของคริสต์ ก่อสร้างในปี 785 โดย อับดูร์อาห์มานที่ 1 หลังจากการครอบครองโดยชาวมุสลิมสิ้นสุดลง กอร์โดบากลายเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของคริสต์ศาสนา และมัสยิดนี้ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นโบสถ์ของคริสต์ ในช่วงเวลานั้นมีการเพิ่มโครงสร้างของคริสต์ศาสนาเข้าไปภายในมัสยิด ซึ่งทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมอิสลามและคริสต์ที่เป็นเอกลักษณ์ สิ่งที่ทำให้มัสยิดแห่งกอร์โดบา (Mezquita) เป็นที่โดดเด่นคือ เสาค้ำยันที่เรียงรายอย่างสวยงาม โดยมีเสาหินจำนวนมากกว่า 850 ต้นซึ่งถูกสร้างขึ้นในสไตล์ของอิสลามและในบางส่วนใช้เสาหินจากโบราณสถานอื่นๆ มาประกอบกัน เสาหินเหล่านี้มีการตกแต่งด้วย การประดับกระเบื้องโมเสค ที่มีสีสันและลวดลายที่สวยงาม


โบสถ์ปัลมา (Palma Cathedral)
โบสถ์แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมโกธิกและการผสมผสานระหว่างสไตล์ศิลปะต่างๆ ภายในโบสถ์มีความงดงามทั้งในด้านสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ โบสถ์ปัลมามีสถาปัตยกรรมในสไตล์โกธิกที่สวยงาม โดยเฉพาะการตกแต่งภายในที่มี หน้าต่างกระจกสี ที่มีลวดลายสวยงามและเต็มไปด้วยแสงสีที่ส่องผ่านกระจกสู่ภายในโบสถ์ เสาและเพดานของโบสถ์สูงตระหง่าน สร้างความรู้สึกโอ่อ่าและศักดิ์สิทธิ์ การสร้างโบสถ์ในสไตล์โกธิกทำให้โบสถ์มี เพดานสูง และมี ช่องแสงขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยให้ภายในโบสถ์สว่างไสวและมีความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่


ลาส เมดูลาส (Las Médulas)
เป็นที่รู้จักในฐานะพื้นที่ที่เกิดจากการขุดเจาะทองคำในยุคโรมัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างการกระทำของมนุษย์และธรรมชาติในระยะยาว ลาส เมดูลาสเป็นแหล่งโบราณคดีที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และมีทัศนียภาพที่งดงาม ในสมัยโรมัน การขุดทองคำที่ลาส เมดูลาสใช้เทคนิค hydraulic mining ซึ่งหมายถึงการใช้แรงน้ำในการขุดทองคำ เทคนิคนี้เกี่ยวข้องกับการทำระบบน้ำโดยการสร้างท่อและการขุดคลองน้ำเพื่อใช้ในการขุดเจาะทองคำออกจากดิน ด้วยการทำลายชั้นดินและหินด้วยน้ำ ทำให้สามารถขุดทองคำออกมาได้ในปริมาณมาก ลาส เมดูลาสได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) เนื่องจากความสำคัญทางประวัติศาสตร์และการอนุรักษ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงหลายร้อยปี การขุดเจาะทองคำในอดีตได้สร้างทิวทัศน์ที่แปลกตา ซึ่งทำให้สถานที่นี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่สำคัญของสเปน


บริษัท NATNARA TRAVEL รับจัดทัวร์ ท่องเที่ยวสเปนตลอดทั้งปี

- ใช้โรงแรม สะอาด ปลอดภัย

- อาหารรสชาติดี

สนใจเที่ยวสเปน ติดต่อเราได้เลย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้