ตูนิเซีย ดินแดนแห่งเรื่องเล่าจากอดีตอันหลากหลาย

ตูนิเซีย (Tunisia) เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันหลากหลาย ที่ซึ่งประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และวัฒนธรรมมาบรรจบกันอย่างงดงาม วัฒนธรรมของตูนิเซียเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ตราตรึงใจ ด้วยการผสมผสานของอาหรับ แอฟริกา และยุโรป ที่สะท้อนออกมาผ่านอาหาร การแต่งกาย และสถาปัตยกรรม ด้วยผู้คนที่มีน้ำใจและการต้อนรับที่อบอุ่น ตูนิเซียจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่มอบทั้งความประทับใจและความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน

✨สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนตูนิเซีย✨

เมืองโรมันโบราณคาร์ธาจ (Carthage)
เป็นหนึ่งในเมืองโรมันโบราณที่สำคัญที่สุดในแอฟริกาเหนือ และมีประวัติศาสตร์ยาวนานที่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมฟินิเซียนและโรมัน เมืองนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยมริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนใกล้กรุงตูนิเซีย (Tunis) ในปัจจุบันและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี 1979 คาร์ธาจเป็นคู่แข่งที่สำคัญของโรมในช่วงยุคโรมัน โดยเฉพาะในสงครามที่เรียกว่า สงครามปูนิก (Punic Wars) ซึ่งคาร์ธาจเป็นฝ่ายแพ้ในสงครามที่สาม และเมืองถูกทำลายลงในปี 146 ก่อนคริสต์ศักราช ต่อมาในปี 29 ก่อนคริสต์ศักราช โรมันได้ฟื้นฟูเมืองคาร์ธาจขึ้นมาใหม่จนกลายเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรโรมันในแอฟริกาเหนือ

ทะเลทราย Sahara
เป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลกและตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกา ครอบคลุมหลายประเทศ เช่น อัลจีเรีย, ลิเบีย, ชาด, มาลี, มอริเทเนีย, นิเชอร์, ซูดาน, โมร็อกโก, และตูนิเซีย ทะเลทรายซาฮารามีขนาดประมาณ 9.2 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 31% ของทวีปแอฟริกา อุณหภูมิในทะเลทรายซาฮาราอาจสูงถึง 50 องศาเซลเซียสในช่วงกลางวันในฤดูร้อน แต่ในช่วงกลางคืนจะลดลงอย่างมาก โดยอุณหภูมิอาจลดลงต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมทะเลทรายซาฮาราโดยการนั่งอูฐเพื่อสำรวจทิวทัศน์และดินแดนกว้างใหญ่ หลายแห่งมีการตั้งแคมป์กลางทะเลทรายเพื่อให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับความสงบและบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร

เจอร์บา (Djerba)
เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของตูนิเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศเนื่องจากมีชายหาดที่สวยงาม บรรยากาศสงบ และความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ มีชายหาดที่สวยงามและเป็นที่รู้จักในเรื่องของน้ำทะเลที่ใสและหาดทรายขาวนุ่ม เหมาะสำหรับการว่ายน้ำ พักผ่อน และกิจกรรมทางน้ำ เช่น วินด์เซิร์ฟ มีชายหาดที่สวยงามและเป็นที่รู้จักในเรื่องของน้ำทะเลที่ใสและหาดทรายขาวนุ่ม เหมาะสำหรับการว่ายน้ำ พักผ่อน และกิจกรรมทางน้ำ เช่น วินด์เซิร์ฟ

Sidi Bou Said
เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใกล้กับกรุงตูนิเซีย (Tunis) ในตูนิเซีย หมู่บ้านนี้มีชื่อเสียงในด้านสถาปัตยกรรมที่งดงาม โดยเฉพาะการใช้สีฟ้าและขาวที่โดดเด่น รวมถึงบรรยากาศที่เงียบสงบและทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลและเมืองรอบข้าง สถาปัตยกรรมของหมู่บ้านนี้ได้รับอิทธิพลจากสไตล์แอนดาลูเซีย (อิทธิพลจากสเปนในช่วงอาณาจักรอิสลาม) โดยบ้านเรือนใน Sidi Bou Said มักทาสีขาวและมีประตูหน้าต่างสีฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้หมู่บ้านนี้มีเอกลักษณ์ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ทำให้หมู่บ้านนี้มีทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและเมืองตูนิเซียด้านล่าง เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทิวทัศน์หรือเดินเล่นรอบๆ หมู่บ้าน

หาด Hammamet
เป็นหนึ่งในชายหาดที่ได้รับความนิยมที่สุดในตูนิเซีย ตั้งอยู่ในเมือง ฮัมมามเม็ต (Hammamet) ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงในแถบชายฝั่งตูนิเซีย อยู่ห่างจากกรุงตูนิเซียประมาณ 60 กิโลเมตรไปทางตะวันออก หาดฮัมมามเม็ตมีทรายขาวละเอียดและน้ำทะเลใสที่เหมาะสำหรับการว่ายน้ำและกิจกรรมทางน้ำ น้ำทะเลที่นี่มีสีฟ้าใสและอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวทะเลตลอดทั้งปี ถึงแม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในตูนิเซีย แต่ชายหาดแห่งนี้ยังคงมีบรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนและหลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่

El jem
เป็นเมืองโบราณในตูนิเซียที่มีชื่อเสียงจาก อัฒจันทร์เอลเจม (El Djem Amphitheater) ซึ่งเป็นหนึ่งในอัฒจันทร์ที่ใหญ่และได้รับการอนุรักษ์ดีที่สุดในโลก การเดินทางไปเยือน El Djem จะเป็นการสัมผัสกับมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโรมันในแอฟริกาเหนือ เป็นอัฒจันทร์โรมันที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 3 ซึ่งสามารถรองรับผู้ชมได้มากถึง 35,000 คน อัฒจันทร์นี้มีความคล้ายคลึงกับอัฒจันทร์โคลอสเซียมในกรุงโรม แต่มีขนาดเล็กกว่ ที่นี่เคยใช้จัดการต่อสู้กลาดิเอเตอร์และกิจกรรมบันเทิงอื่นๆ ในยุคโรมัน อัฒจันทร์เอลเจมได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี 1979 El Djem ในยุคโรมันเคยเป็นเมืองที่ร่ำรวยและสำคัญทางเศรษฐกิจและการค้าของแอฟริกาเหนือ ก่อนที่จะค่อยๆ เสื่อมโทรมลงตามกาลเวลา เมืองนี้มีบรรยากาศเงียบสงบและให้ความรู้สึกของเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมเมืองและค้นพบซากปรักหักพังอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเมืองโบราณ