สกอตแลนด์ ท่ามกลางภูเขาและทะเลสาบค้นพบความงามที่ไม่มีวันลืม

11 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สกอตแลนด์ ท่ามกลางภูเขาและทะเลสาบค้นพบความงามที่ไม่มีวันลืม

สกอตแลนด์ (Scotland) เป็นหนึ่งในสี่ประเทศของสหราชอาณาจักร ทางตอนเหนือของเกาะบริเตน ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่ที่มีทั้งภูเขา ทะเลสาบ ป่าไม้ และทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์จากธรรมชาติอันงดงาม ประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้ง และวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

✨สถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนสกอตแลนด์✨

ปราสาทเอดินบะระ (Edinburgh Castle)
เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเอดินบะระและสกอตแลนด์ทั้งหมด ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่บน ภูเขาผาเหล็ก (Castle Rock) ซึ่งเป็นหน้าผาธรรมชาติที่สูงกว่าเมืองเอดินบะระหลายสิบเมตร ให้ทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองและพื้นที่โดยรอบได้อย่างชัดเจน ปราสาทนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความสำคัญทั้งในด้านการทหารและการปกครองของสกอตแลนด์ มันถูกใช้เป็นป้อมปราการและที่พำนักของราชวงศ์สกอตแลนด์ตลอดหลายศตวรรษ ปราสาทเอดินบะระเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในสกอตแลนด์ โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมชม ไม่เพียงแต่เพราะความงดงามและความสำคัญทางประวัติศาสตร์ แต่ยังเพราะวิวทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นเมืองเอดินบะระและทะเลเหนือได้จากที่สูง


แคลตันฮิลล์ (Calton Hill)
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง และเป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเอดินบะระ ทะเลเหนือ และภูเขาโดยรอบได้อย่างชัดเจน แคลตันฮิลล์เป็นจุดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งสูงจากระดับพื้นดินไม่มาก ทำให้สามารถมองเห็นวิวของเมืองเอดินบะระได้อย่างสวยงาม ที่นี่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเคยเป็นพื้นที่ที่มีการสร้างอาคารสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 19 ที่มีการตั้งสถานที่สำคัญๆ บนเนินเขานี้ เนื่องจากแคลตันฮิลล์เป็นเนินเขาที่มีความสูงพอสมควร การเดินขึ้นจะทำให้คุณได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเอดินบะระและบริเวณโดยรอบ โดยเฉพาะในช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ตกดิน สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นจุดที่หลายคนเลือกมาเยี่ยมชมเพื่อถ่ายรูปและชมบรรยากาศที่น่าประทับใจ


เกาะสกาย (Isle of Skye)
เป็นหนึ่งในเกาะที่มีชื่อเสียงที่สุดของสกอตแลนด์ ที่นี่มีทิวทัศน์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ภูเขาแบบแหลมสูงที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียวทะมึน ไปจนถึงทะเลสาบที่เงียบสงบและชายฝั่งที่งดงาม เกาะสกายเป็นที่รู้จักในเรื่องความสวยงามอันรุนแรงและธรรมชาติที่ดิบเถื่อน เกาะสกายมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ยุคสมัยของชาวไวกิ้งในช่วงศตวรรษที่ 8 ซึ่งเป็นยุคที่ชาวไวกิ้งได้ตั้งถิ่นฐานบนเกาะนี้และตั้งชื่อเกาะว่า "Skye" ซึ่งมาจากคำว่า "Sky-a" ที่หมายถึง "เกาะแห่งหมอก" บนเกาะมี Neist Point จุดชมวิวที่ตั้งอยู่ที่ปลายสุดของเกาะสกาย บริเวณนี้มีแสงไฟประภาคารที่สวยงามและทิวทัศน์ทะเลที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตก เกาะสกายมีกิจกรรมหลากหลายที่นักท่องเที่ยวสามารถทำได้ เช่น การเดินป่า การปีนเขา การขี่จักรยานท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม หรือการเดินเล่นในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิม


วิหารกลาสโกว์ (Glasgow Cathedral)
เป็นหนึ่งในอาคารทางศาสนาที่สำคัญที่สุดในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ และถือเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมโบสถ์สไตล์กอธิคที่สวยงามและเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและลึกซึ้ง โดยวิหารนี้เป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่เก็บร่างของ เซนต์เมนัส (St. Mungo) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเมืองกลาสโกว์ วิหารกลาสโกว์มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 800 ปี และได้รับการสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1136 โดย พระเจ้าเดวิดที่ 1 (King David I) แห่งสกอตแลนด์ วิหารนี้ถูกสร้างขึ้นในสไตล์กอธิคที่มีเสน่ห์และประณีต ด้วยการออกแบบที่ประณีตและรายละเอียดที่สวยงาม ซึ่งรวมถึงเพดานที่สูงชันและหน้าต่างกระจกสีที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางศาสนาและประวัติศาสตร์ บรรยากาศภายในวิหารมีความสงบและศักดิ์สิทธิ์ มีอาคารทั้งภายในและภายนอกที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินสโตนที่มีอายุมากและมีการตกแต่งอย่างประณีต หน้าต่างกระจกสีที่งดงามของวิหารกลาสโกว์เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของสถานที่นี้ โดยหน้าต่างเหล่านี้สะท้อนเรื่องราวทางศาสนาและการเดินทางของผู้ศรัทธา


ทะเลสาบล็อกเนสส์ (Loch Ness)
เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในสกอตแลนด์ และเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่ใหญ่และลึกที่สุดในโลก ทะเลสาบล็อกเนสส์มีความยาวประมาณ 37 กิโลเมตรและความลึกสูงสุดถึง 230 เมตร ซึ่งทำให้มันเป็นทะเลสาบที่มีน้ำลึกที่สุดในสกอตแลนด์ ทะเลสาบล็อกเนสส์มีชื่อเสียงไม่เพียงแต่จากความงามของธรรมชาติและความสำคัญทางธรณีวิทยา แต่ยังมีตำนานและเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตลึกลับที่เรียกว่า "เนสซี่" (Nessie) ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดที่เชื่อกันว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบนี้ ตำนานของเนสซี่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 แต่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 20 จากการอ้างสิทธิ์และภาพถ่ายที่อาจจะเป็นภาพของสัตว์ประหลาดในน้ำ ถึงแม้ว่าจะมีการค้นหาพิสูจน์เรื่องราวนี้อย่างมากมาย แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับการมีอยู่ของเนสซี่ ทะเลสาบล็อกเนสส์ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและป่าไม้ที่เขียวขจี ซึ่งให้ทัศนียภาพที่สวยงามและร่มรื่น ตลอดริมทะเลสาบมีทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลในแต่ละปี โดยในฤดูร้อนทิวทัศน์จะเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและท้องฟ้าสีคราม ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ทะเลสาบจะมีความสงบและมีความลึกลับมากขึ้นด้วยหมอกที่ปกคลุมผิวน้ำ


ปราสาทดันนอตตาร์ (Dunnottar Castle)
เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีชื่อเสียงและสวยงามที่สุดในสกอตแลนด์ ตั้งอยู่บนหน้าผาชายทะเลที่สูงชัน ปราสาทนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและโดดเด่น โดยได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในปราสาทที่งดงามและมีทิวทัศน์ที่น่าประทับใจที่สุดในสกอตแลนด์ ปราสาทดันนอตตาร์มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 โดยตระกูล ดันนอตตาร์ (Dunnottar) ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางที่สำคัญในช่วงยุคกลาง ของสกอตแลนด์ ในระหว่างศตวรรษที่ 16 และ 17 ปราสาทนี้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของสกอตแลนด์ โดยเฉพาะในช่วงสงครามเพื่อเอกราชของสกอตแลนด์และการปกป้องอำนาจของพระมหากษัตริย์ ปราสาทดันนอตตาร์ตั้งอยู่บนหน้าผาหินที่สูงชันที่มองเห็นทะเลเหนือ ทำให้ปราสาทมีทิวทัศน์ที่งดงามและยากแก่การเข้าถึง ด้วยการตั้งอยู่ในทำเลที่ตั้งแต่อยู่บนหน้าผา นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวที่สวยงามของทะเลเหนือและชายฝั่งที่โค้งงอไปตามแนวหน้าผา พื้นที่รอบๆ ปราสาทเต็มไปด้วยทัศนียภาพที่ดิบและเงียบสงบ ตลอดจนมีการเดินเท้าผ่านทางเดินที่มีมุมมองที่น่าตื่นตาตื่นใจของทะเลและภูเขา


ปราสาทสเตอร์ลิง (Stirling Castle)
ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สูงในเมืองสเตอร์ลิง (Stirling) ทางตอนกลางของสกอตแลนด์ เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากที่สุดของสกอตแลนด์ โดยเฉพาะในช่วงยุคกลางและการต่อสู้เพื่อเอกราชของประเทศสกอตแลนด์ ปราสาทสเตอร์ลิงมีประวัติยาวนานกว่า 900 ปี และเคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์สกอตแลนด์ในหลายยุคสมัย โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 14 และ 15 ปราสาทสเตอร์ลิงเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมในยุคกลาง โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมสไตล์ เรเนซองส์ (Renaissance) ที่มีการปรับปรุงในช่วงศตวรรษที่ 16 เมื่อปราสาทได้รับการตกแต่งใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นที่ประทับของราชวงศ์สกอตแลนด์ ปราสาทประกอบไปด้วยป้อมปราการหลายแห่งและหอคอยที่มีความสูง ซึ่งมองเห็นได้จากระยะไกล หน้าผาของปราสาทถูกสร้างขึ้นบนเนินเขาที่สูง ช่วยเพิ่มความมั่นคงและการป้องกันจากศัตรู ภายในปราสาทมีห้องหลายห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา รวมถึงห้องทรงพระราชอำนาจที่มีการใช้สำหรับพิธีราชาภิเษกและการประชุมสำคัญ พิพิธภัณฑ์ภายในปราสาทมีการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท รวมถึงการจัดแสดงเครื่องมือที่ใช้ในสงครามและเรื่องราวของบุคคลสำคัญ เช่น วิลเลียม วอลเลซ และ โรเบิร์ต เดอะ บรูซ


ปราสาทบาลมอรัล (Balmoral Castle)
เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีชื่อเสียงและสำคัญที่สุดในสกอตแลนด์ โดยเฉพาะในฐานะที่เป็นที่ประทับฤดูร้อนของราชวงศ์อังกฤษ ปราสาทแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามและธรรมชาติอันงดงามของพื้นที่ที่ตั้งอยู่ บนพื้นที่กว่า 50,000 เอเคอร์ของป่าไม้และที่ดินที่สวยงาม ปราสาทบาลมอรัลได้รับการสร้างขึ้นในปี 1856 โดย พระเจ้าวิกตอเรีย (Queen Victoria) และ พระเจ้าทรงวิลเลียมที่ 1 (Prince Albert) เป็นที่อยู่อาศัยของราชวงศ์หลังจากที่พระองค์ทั้งสองได้ซื้อที่ดินและปราสาทจากตระกูลบูรุนในปี 1848 เริ่มแรกนั้นปราสาทนี้ถูกออกแบบให้เป็นบ้านพักส่วนตัวของราชวงศ์ และในปี 1855 ได้รับการปรับปรุงใหญ่ โดยมีการขยายและปรับปรุงอาคารให้สอดคล้องกับสไตล์วิคตอเรียนที่ทันสมัยในขณะนั้น ในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ปราสาทบาลมอรัลได้กลายเป็นสถานที่ที่พระราชวงศ์อังกฤษใช้พักผ่อนในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในช่วงที่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 พระราชินีแห่งสหราชอาณาจักรได้ใช้ที่นี่เป็นที่พักผ่อนประจำปี ปราสาทบาลมอรัลมีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงสไตล์ วิคตอเรียน ที่มีความหรูหราและสง่างาม ด้านนอกของปราสาทตกแต่งด้วยหินสีเทาที่มีโครงสร้างคลาสสิกและโดดเด่น มีหอคอยสูงที่เป็นสัญลักษณ์ของสถาปัตยกรรมวิคตอเรียน ด้านในของปราสาทมีการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีความหรูหราและมีรสนิยม ภายในห้องต่างๆ มีการจัดแสดงงานศิลปะจากคอลเลกชันของราชวงศ์ และมีการตกแต่งที่สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตของราชวงศ์ในสมัยนั้น รวมถึงห้องรับรองต่างๆ ที่ตกแต่งด้วยภาพวาด, พรม, และเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี ปราสาทบาลมอรัลเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วไปได้เยี่ยมชมในช่วงเวลาที่พระราชวงศ์ไม่ได้เข้าพักที่ปราสาท ซึ่งโดยปกติจะเปิดให้เยี่ยมชมตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนถึงต้นฤดูใบไม้ร่วง นักท่องเที่ยวสามารถชมภายในของปราสาท รวมถึงห้องที่ใช้สำหรับการรับรองและพื้นที่ที่เปิดให้ชมในช่วงเวลาที่พระราชวงศ์ไม่ได้ประทับ


หมู่เกาะ Orkney Islands
เป็นกลุ่มเกาะที่ตั้งอยู่ใน ทะเลนอร์ธซี ทางตอนเหนือของสกอตแลนด์ ประกอบด้วยเกาะประมาณ 70 เกาะ แต่มีเพียงประมาณ 20 เกาะที่มีการตั้งถิ่นฐานและสามารถเข้าถึงได้ หมู่เกาะนี้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้ง หมู่เกาะออร์คเนย์มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและมีความสำคัญในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคสมัยต่างๆ ปัจจุบันนี้เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับการมีสถานที่โบราณมากมาย เช่น Skara Brae หมู่บ้านยุคหินที่เก่าแก่ที่สุดในสหราชอาณาจักร ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงประมาณ 5,000 ปีมาแล้ว การค้นพบนี้ถือเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคหินใหม่ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก Ring of Brodgar วงแหวนหินขนาดใหญ่ในหมู่เกาะออร์คเนย์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่สำคัญในยุคหินใหม่ คาดว่าเป็นสถานที่สำหรับพิธีกรรมหรือการบูชาเทพเจ้า วงแหวนนี้เป็นหนึ่งในหลายแห่งของ Orkney's Neolithic Sites ที่ได้รับการคุ้มครอง เป็นต้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปตามเส้นทางต่างๆ ในหมู่เกาะเพื่อลุ้นรับประสบการณ์จากธรรมชาติที่สวยงามและยังมีเส้นทางสำหรับจักรยานที่เหมาะสม และการชมแมวน้ำและนกทะเลเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในหมู่เกาะออร์คเนย์ เนื่องจากมีการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่มีความหลากหลาย


บริษัท NATNARA TRAVEL รับจัดทัวร์ ท่องเที่ยวสกอตแลนด์ตลอดทั้งปี

- ใช้โรงแรม สะอาด ปลอดภัย

- อาหารรสชาติดี

สนใจเที่ยวสกอตแลนด์ ติดต่อเราได้เลย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้